จากกรณีที่น่ากังวลใจเกี่ยวกับการหลอกลวงนักศึกษาหลายร้อยคนโดย “แก๊งคอลเซนเตอร์” ซึ่งมาในรูปแบบที่ซับซ้อนและทำให้เชื่อถือได้ โดยแก๊งคอลเซนเตอร์อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี นักศึกษาหลายคนได้รับการติดต่อแจ้งว่าพวกเขาอาจมีความผิดตามกฎหมาย บทสนทนาหรือข้อความมักจะสร้างความตกใจ และตอกย้ำความน่าเชื่อถือด้วยการระบุเลขบัตรประชาชนของผู้เสียหายอย่างถูกต้อง ทำให้นักศึกษาหลงเชื่อจนถูกหลอกให้โอนเงินหรือถ่ายภาพเพื่อยืนยันตัวตน ในบทความนี้ เราจะมาดูถึงกลวิธีของแก๊งคอลเซนเตอร์ และเรียนรู้วิธีการป้องกันและสังเกตเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
กลวิธีหลอกลวงของแก๊งคอลเซนเตอร์
- อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือบุคคลจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
แก๊งคอลเซนเตอร์มักจะแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบุคคลจากหน่วยงานที่นักศึกษารู้จักดี และแจ้งว่าพวกเขามีความผิดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย โดยบางครั้งมีการข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือจ่ายเงินเป็นการแก้ไข - ข้อมูลส่วนตัวที่ดูน่าเชื่อถือ
มิจฉาชีพมักใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรประชาชน ที่ได้มาจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งเพื่อทำให้เหยื่อเชื่อว่าพวกเขาคือตัวจริง และทำให้เกิดความกลัว - ข่มขู่และทำให้รู้สึกตกใจ
ข้อความหรือการโทรศัพท์มักจะทำให้นักศึกษารู้สึกตกใจและกลัวว่าจะต้องมีคดีติดตัว ซึ่งกระตุ้นให้เหยื่อทำตามคำสั่งของมิจฉาชีพโดยไม่ทันคิด - หลอกให้โอนเงินหรือส่งข้อมูลเพิ่มเติม
แก๊งคอลเซนเตอร์อาจอ้างว่า หากโอนเงินจำนวนหนึ่งไปยังบัญชีที่ระบุจะช่วยแก้ไขปัญหา หรือขอให้ถ่ายภาพบัตรประชาชนเพื่อใช้เป็นการยืนยันตัวตน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดอีกต่อหนึ่ง
วิธีการป้องกันตัวจากแก๊งคอลเซนเตอร์
เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซนเตอร์ นักศึกษาควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- สังเกตความน่าสงสัยจากการติดต่อ
- หากได้รับการติดต่อแจ้งว่ามีคดีความผิดกฎหมาย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นการหลอกลวง หน่วยงานราชการส่วนใหญ่ไม่ติดต่อทางโทรศัพท์หรือข้อความเพื่อแจ้งเรื่องคดีความโดยตรง
- อย่าเชื่อข้อมูลบัตรประชาชนหรือข้อมูลส่วนตัวที่แก๊งคอลเซนเตอร์ระบุ ให้ตั้งข้อสงสัยว่าแก๊งคอลเซนเตอร์อาจได้ข้อมูลนี้มาจากแหล่งที่ไม่เหมาะสม
- อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
- หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัว หรือถ่ายภาพยืนยันตัวตนส่งไปให้กับบุคคลที่เราไม่รู้จักหรือไม่ได้ตรวจสอบแหล่งที่มา
- อย่าให้รหัสผ่าน เลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงินกับบุคคลที่โทรมาข่มขู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาอ้างว่ามาจากหน่วยงานราชการ
- หลีกเลี่ยงการโอนเงินโดยไม่ได้ตรวจสอบ
- หน่วยงานราชการจะไม่มีการเรียกร้องให้โอนเงินเพื่อ “ลบคดี” หรือ “แก้ไขปัญหาทางกฎหมาย” หากได้รับการขอให้โอนเงินไปยังบัญชีใดๆ ให้สันนิษฐานว่าเป็นการหลอกลวง
- หากสงสัยว่าการโอนเงินหรือการชำระเงินนั้นเป็นของจริง ควรตรวจสอบกับหน่วยงานต้นสังกัดผ่านช่องทางติดต่อที่เป็นทางการเท่านั้น
- ตั้งสติเมื่อได้รับการติดต่อที่ทำให้รู้สึกตกใจ
- หากรู้สึกตกใจกับเนื้อหาการโทรหรือข้อความ ให้หยุดพักเพื่อตั้งสติ พิจารณาข้อความที่ได้รับและตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือปรึกษากับครอบครัวหรือเพื่อนก่อนที่จะทำตามคำสั่งของผู้ติดต่อ
- เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น
- การเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้นบนแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ต่างๆ จะช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต
การสังเกตว่าเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์หรือไม่
- อีเมลหรือข้อความที่มีภาษาที่เร่งรีบหรือกดดันให้ดำเนินการทันที
มิจฉาชีพมักใช้ภาษาที่เร่งรัดและกดดันเหยื่อ เช่น “ต้องดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมง” หรือ “หากไม่โอนเงินภายในเวลาที่กำหนดจะถูกดำเนินคดี” - การขอให้โอนเงินไปยังบัญชีส่วนบุคคล
หากมีการขอให้โอนเงินไปยังบัญชีส่วนบุคคลหรือบัญชีที่ไม่ใช่ชื่อหน่วยงานทางการ ให้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการหลอกลวง - ตรวจสอบจากหมายเลขโทรศัพท์
หน่วยงานราชการจะใช้หมายเลขโทรศัพท์ทางการในการติดต่อ หากได้รับการติดต่อจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยหรือดูไม่เป็นทางการ อาจเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์
ในยุคที่ข้อมูลสามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ง่าย การระมัดระวังตัวและตรวจสอบข้อมูลก่อนการโอนเงินหรือให้ข้อมูลส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักศึกษา การสังเกตและระวังภัยจาก “แก๊งคอลเซนเตอร์” เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยาก หากเราไม่ตกใจและตั้งสติ พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนทำตามคำขอใดๆ การป้องกันตัวเองจากการหลอกลวงจะช่วยให้นักศึกษามั่นใจและปลอดภัยในยุคดิจิทัล
update on 31 October 2024