ขั้นตอนการสำรองข้อมูลออกจาก OneDrive -KMITL

onedrive_export

เนื่องจาก  Microsoft   ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ในการให้บริการ โดยจำกัดพื้นที่ในการเก็บข้อมูลออนไลน์ ส่งผลให้ พื้นที่ OneDrive-KMITL ในแต่ละ Account และรวมถึงไฟล์ที่อยู่ใน SharePoint ถูกปรับขนาดตามลงไปด้วย เพื่อป้องกันการถูกจำกัดสิทธิ์ในการเปิดใช้งานไฟล์ที่เกินโควต้าการเก็บข้อมูลในแต่ละ Account  จึงขอแนะนำให้ทำการสำรองข้อมูลออกจาก OneDrive-KMITL   โดยก่อนการสำรองข้อมูล สามารถตรวจสอบพื้นที่คงเหลือการใช้งานได้ดังนี้

  1. วิธีตรวจสอบ การใช้พื้นที่บน OneDrive บน  Web Browser

        เมื่อลงชื่อเข้าใช้งานที่ office.com   แล้วให้คลิกที่ไอคอน OneDrive เมื่อเข้ามาในหน้า OneDrive แล้วปริมาณการใช้งานพื้นที่จะแสดงอยู่บริเวณมุมซ้ายล่างของหน้าจอ ดังภาพด้านล่าง



2. วิธีตรวจสอบการใช้พื้นที่ OneDrive จาก Windows (กรณีซิงก์ข้อมูลแล้ว)

เมื่อคลิกเข้ามาในโฟลเดอร์ OneDrive-KMITL  แล้วให้คลิกที่  OneDrive บริเวณ Address Bar   จะพบหน้าต่างแสดงการใช้พื้นที่ OneDrive   ดังภาพด้านล่าง

หลังจากตรวจสอบพื้นที่คงเหลือแล้ว สามารถทำการสำรองข้อมูลจาก OneDrive-KMITL  ลงเครื่องคอมพิวเตอร์  ได้ดังนี้

สำรองข้อมูลโดยการซิงค์ไฟล์ และเลือก  Download all files จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้พื้นที่คงเหลือในคอมพิวเตอร์ ที่จะรองรับการดาวน์โหลดไฟล์จะต้องมีเพียงพอต่อไฟล์ทั้งหมดที่อยู่บน OneDrive-KMITL ที่จะทำการดาวน์โหลด  ดูขั้นตอนการซิงค์ไฟล์ หัวข้อที่ 2. เข้าถึงไฟล์ผ่าน Desktop คลิกที่นี่  เมื่อซิงก์ไฟล์เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการ  Download all files โดยคลิกที่ ไอคอน OneDrive  บริเวณ ก้อนเมฆมุมขวาล่างของ taskbar     จากนั้นคลิกที่รูปเฟือง  –>  Settings   

                                            

 จากนั้นเลือกหัวข้อ  Sync and backup   และเลื่อนลงไปที่หัวข้อ Advanced setting –> File On-Demand –> Download all files  ไฟล์ทั้งหมดจาก OneDrive  จะถูกดาวน์โหลดเก็บไว้ยังเครื่องคอมพิวเตอร์

                  

     หลังการสำรองไฟล์ที่จำเป็นออกจาก OneDrive แล้วเพื่อให้พื้นที่ไม่เกินโควต้าที่สถาบันกำหนด ควรลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้งานแล้วออกจากพื้นที่ ทั้งในเมนู My files และ Recycle bin ดังนี้

  1. ลงชื่อเข้าใช้งานที่ http://office.com/ จากนั้นคลิกที่ ไอคอน OneDrive

  2. เมื่อเข้าสู่หน้า OneDrive แล้ว คลิกที่ My files จากนั้นนำเมาส์ไปวางบริเวณหน้าไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการจะลบและคลิกเพื่อเลือกไฟล์ สามารถคลิกเลือกได้หลายไฟล์ หรือคลิกเลือกไฟล์ทั้งหมดจาก circle check ด้านบนได้ จากนั้นคลิก Delete บริเวณด้านบนตามภาพด้านล่างนี้








    จากนั้นคลิก Delete ตามระบบแจ้งถาม



  3. หลังจากที่ลบไฟล์ออกจาก My file แล้วเพื่อเป็นการเคลียร์พื้นที่ให้รวดเร็ว ควรตามไปลบที่ Recycle bin และ Second-stage recycle bin ด้วย  โดย Recycle bin ให้คลิกที่ Empty recycle bin



    และเมื่อคลิกที่  Second-stage recycle bin  ก็ให้คลิกที่ Empty recycle bin เพื่อลบไฟล์เช่นเดียวกับ Recycle bin



  4. ทั้งนี้ควรตรวจสอบในเมนู Shared  คอลัมภ์  By you  ว่ามีไฟล์ใดที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้วและไม่มีการทำงานร่วมกัน ให้ลบลิงก์การแชร์และเข้าไปลบไฟล์ดังกล่าว

Scroll to Top